คำเทศนาของกาดีร์
ภาษาไทย
ในนามของพระเจ้า
1 มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์แด่อัลลอฮฺ(ซบ.) พระผู้ทรงคู่ควรทรงสูงส่งกว่าทุกสรรพสิ่งทั้งที่เป็นเอกะไม่มีสิ่งใดร่วมปน ทรงอยู่ใกล้สรรพสิ่งถูกสร้างทั้งที่ทรงสันโดษไม่มีความคล้ายเหมือน ทรงเกรียงไกรในอำนาจของพระองค์ ทรงยิ่งใหญ่ในขอบเขตของพระองค์ความรอบรู้ของพระองค์ครอบคลุมเหนือทุกสรรพสิ่ง ทั้งที่ทรงปรากฏอยู่ ณ ที่ประทับของพระองค์และเนื่องด้วยเดชานุภาพและเหตุผลของพระองค์ทรงพิชิตเหนือทุกสรรพสิ่งที่ถูกสร้างทั้งมวล ทรงเกียรตินิรันดรไม่เสื่อมสลาย ทรงได้รับการสรรเสริญอย่างไม่เสื่อมคลาย (ได้รับเกียรติอย่างไม่เสื่อมสลาย ทรงเป็นผู้เริ่มต้นทรงให้กลับมา และทุกสิ่งต้องคืนกลับสู่พระองค์)
2 อัลลอฮฺ(ซบ.) ผู้ทรงบังเกิดชั้นฟ้าทั้งหลายที่อยู่เบื้องบน ผู้ทรงแผ่แผ่นดินให้กว้างออก พระผู้ทรงบริบาลทั่วแผ่นดินและบรรดาชั้นฟ้าทั้งหลาย ผู้ทรงพิสุทธิ์และทรงศักดิ์สิทธิ์ยิ่งพระผู้อภิบาลแห่งมวลมลาอิกะฮ์และอัรรุฮ์ (อัลรุฮ์ เป็นประเภทเดียวกับมะลักแต่ยิ่งใหญ่กว่า) พระองค์ทรงประเสริฐยิ่งกว่าสรรพสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหมดของพระองค์ ทรงสูงส่งกว่าสรรพสิ่งทั้งมวลที่ทรงรังสรรค์ขึ้นมาทรงมองเห็นทุกดวงตาแต่ไม่มีนัยน์ตาคู่ ใดมองเห็นพระองค์ พระองค์ทรงมหากรุณิคุณยิ่ง ทรงขันติธรรม ทรงอภัย ความเมตตาของพระองค์ครอบคลุมเหนือทุกสรรสิ่ง พระองค์ทรงโปรดปราณพวกเขาด้วยความโปรดปราณของพระองค์ สำหรับผู้ที่ต้องได้รับการลงทัณฑ์พระองค์ไม่ทรงรีบเร่งลงโทษเขา
3 พระองค์ทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับ ไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้นไปจากพระองค์ ด้วยเหตุนี้และสิ่งถูกซ่อนเร้นทั้งหลายไม่เป็นที่คลุมเครือสำหรับพระองค์ พระองค์ทรงห้อมล้อมเหนือทุกสรรพสิ่งทรงครอบคลุมเหนือสิ่งทั้งมวล ทรงอำนาจเหนือสรรพสิ่งทั้งหลาย ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ พระองค์ทรงอุบัติสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาขณะที่ยังไม่มีสิ่งใดเลย พระองค์ทรงมีอยู่อย่างถาวร พระองค์ทรงดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระผู้ทรงปรีชาญาณยิ่ง
4 พระองค์ทรงสูงส่งกว่าที่บรรดาสายตาทั้งหลายจะมองเห็นพระองค์ได้แต่พระองค์ทรงมองเห็นสายตาเหล่านั้น พระองค์คือพระผู้ทรงปราณี พระผู้ทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วนไม่มีผู้ใดเข้าถึงแก่นแห่งคุณลักษณะของพระองค์ ไม่มีผู้ใดพบเห็นพระองค์ทั้งในที่ลับและที่แจ้งว่าเป็นเช่นไร นอกจากสิ่งที่พระผู้ทรงเกรียงไกรทรงบ่งชี้สิ่งถูกสร้างไว้บนอาตมันและคุณลักษณะของพระองค์
5 ฉันขอปฏิญาณว่าแท้จริงพระองค์คืออัลลอฮฺ(ซบ.) ผู้ซึ่งเติมเต็มกาลเวลาด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ประกายรัศมีของพระองค์คืออุปสรรคขวางกั้นมิให้สิ่งถูกสร้างใดเข้าถึงแก่นของพระองค์ พระองค์ผู้ซึ่งดำเนินกิจการแต่เพียงผู้เดียว โดยปราศจากการปรึกษากับผู้ให้คำปรึกษา ไม่มีหุ้นส่วนใดร่วมกับพระองค์ในการกำหนดและไม่มีผู้ช่วยเหลือคนใดในการบริบาลของพระองค์
6 สิ่งที่พระองค์ทรงประดิษฐ์ขึ้นมาเป็นรูปร่างปราศจากแบบและตัวอย่าง พระองค์ทรงรังสรรค์สรรพสิ่งโดยปราศจากการช่วยเหลือจากผู้ใดไม่มีการบังคับอันใดในการสร้างและไม่มีเลห์เพทุบาย พระองค์ทรงให้บังเกิดขึ้นมา ดังนั้นจึงปรากฏ ฉะนั้น พระองค์คืออัลลอฮฺ(ซบ.)ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์สิ่งประดิษฐ์ของพระองค์แข็งแรงมั่นคง แต่ละสิ่งอยู่ในที่อันเหมาะสมพระองค์ทรงยุติธรรมที่ไม่ถูกความอธรรมกล้ำกลาย พระองค์ทรงเป็นเลิศในการให้และทุกภารกิจต่างย้อนกลับคืนสู่พระองค์
7 ฉันขอปฏิญาณว่าแท้จริงพระองค์คืออัลลอฮฺซึ่งทุกสรรพสิ่งต่างนอบน้อมต่อความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ทุกสรรพสิ่งต่างต่ำต้อยด้อยค่าต่อเดชานุภาพของพระองค์ทุกสิ่งต่างยอมจำนนสิโรราบต่อพระอำนาจของพระองค์ และทุกสิ่งเกรงกลัวต่อพระบารมีของพระองค์
8 พระองค์คือเจ้าผู้ทรงกรรมสิทธิ์เหนือสรรพสิ่งทั้งหลาย ผู้ทรงกำหนดการโคจรของสุริยะจักรวาลทรงบันดาลให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์ ทุกสรรพสิ่งโคจรไปตามวาระที่ได้กำหนดไว้พระองค์ทรงให้ราตรีคาบเกี่ยวเข้าไปในทิวาและทรงให้ทิวาคาบเกี่ยวเข้าไปในราตรีโดยที่ราตรีไล่ตามทิวาอย่างรวดเร็ว เป็นผู้ควบคุมผู้หยิ่งผยองผู้ขัดขืนทุกคนและเป็นผู้ทำลายชัยฎอนซาตานทั้งมนุษย์และญินให้พินาศ
9 สำหรับอัลลอฮฺ(ซบ.)ไม่มีปรปักษ์ ใด ๆ และไม่มีความคล้ายเหมือนพระองค์ ทรงเป็นหนึ่งเดียว ทรงเป็นที่พึ่งพระองค์ไม่ประสูติและไม่ทรงถูกประสูติ และมิมีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์ได้ พระองค์คือพระเจ้าเพียงองค์เดียว พระผู้อภิบาลผู้ทรงยิ่งใหญ่เกรียงไกร ทรงปรารถนาจึงดำเนินการ ทรงประสงค์จึงปรากฎ ทรงรอบรู้จึงคำนวณ ทรงให้ตายและทรงให้ชีวิต ทรงให้ยากจนและทรงให้ร่ำรวยทรงให้หัวเราะและทรงให้ร้องให้ (ทรงให้ใกล้และทรงให้ใกล) ทรงขัดขวางและทรงประทานให้กรรมสิทธิ์ทั้งมวลเป็นของพระองค์ มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของพระองค์ ความดีอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์ทรงเดชานุภาพเหนือทุกสรรพสิ่ง
10 พระองค์ทรงให้ราตรีเลื่อมล้ำเข้าไปในทิวาและให้ทิวาเลื่อมล้ำเข้าไปในราตรีไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงตอบรับการวิงวอน ผู้ทรงประทานให้อย่างมากมาย ผู้ทรงคำนวณนับชีวิตมนุษย์ พระผู้อภิบาลแห่งหมู่มวลมนุษย์ไม่มีสิ่งใดเป็นอุปสรรคปัญหาสำหรับพระองค์ ไม่มีเสียงคะยั้นคะยอของผู้เซ้าซี้คนใดที่จะทำให้พระองค์ทรงรำคาญได้เลย คำอ้อนวอนของผู้อ้อนวอนจะมีผลต่อพระองค์ พระองค์คือผู้พิทักษ์มวลกัลยาณชนทั้งหลายพระองค์เป็นผู้ให้ความสำเร็จแก่บรรดาผู้ประสบความสำเร็จ เป็นผู้คุ้มครองบรรดาผู้ศรัทธาต่อพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก พระผู้ซึ่งบรรดาสิ่งถูกสร้างทั้งหลายสมควรที่จะขอบคุณพระองค์และร้องสรรเสริญพระองค์ (ในทุกสภาวการณ์)
11 ฉันขอสรรเสริญพระองค์อย่างมากมาย ขอขอบคุณพระองค์ตลอดไป ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ในยามยากลำบากและสะดวกสบาย ฉันขอศรัทธาต่อพระองค์ ต่อมวลมลาอิกะฮฺ ต่อบรรดาคัมภีร์และต่อบรรดาศาสนทูตของพระองค์ ฉันขอรับฟังคำบัญชาของพระองค์ เชื่อฟังปฏิบัติตามและรีบเร่งกระทำในทุกสิ่งที่พระองค์ทรงพึงพอพระทัย ยอมจำนนในทุกสิ่งที่พระองค์ทรงตัดสินปรารถนาในการภักดีต่อพระองค์ หวาดกลัวต่อการลงโทษของพระองค์ เพราะพระองค์คืออัลลอฮฺไม่มีผู้ใดหลุดพ้นจากแผนการของพระองค์ และมิต้องเกรงกลัวต่อความอธรรมของพระองค์ (เพราะพระองค์มิทรงอธรรม)
ส่วนที่ 2 บัญชาของอัลลอฮฺ(ซบ.)สำหรับประเด็นสำคัญ
12 ฉันขอสารภาพความเป็นบ่าวด้วยการแสดงความเคารพภักดีต่อพระองค์และปฏิญาณต่อการเป็นพระผู้อภิบาลของพระองค์ว่า ฉันจะปฏิบัติทุกสิ่งที่ได้วะฮียฺลงมาแก่ฉันเนื่องจากเกรงว่าถ้าฉันเฉยเมยไม่ทำตามหน้าที่แล้วจะถูกการลงทัณฑ์ของพระองค์ โทษทัณฑ์ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถปกป้องให้พ้นไปจากฉันได้ แม้ว่าจะใช้เล่ห์เพทุบายและแผนการอันยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม(ก็มิอาจจะหลุดพ้นได้) ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ เนื่องจากพระองค์ได้เดือนสั่งสำทับฉันว่า ถ้าหากสิ่งที่พระองค์ได้ประทานลงมายังฉันแล้วฉันมิได้ประกาศสิ่งนั้นแก่พวกท่านแล้วละก็ ดังนั้น เท่ากับฉันมิได้ประกาศสาส์นของพระองค์เลย แน่นอนพระองค์ได้ให้หลักประกันแก่ฉันว่า พระองค์จะทรงปกป้องฉันให้รอดพ้นจากความชั่วร้ายของศัตรูพระองค์ อัลลอฮฺ(ซบ.)เท่านั้นเป็นหลักประกันเดียวที่เพียงพอแล้วสำหรับฉัน ดังนั้น พระองค์ได้วะฮ์ยูแก่ฉันว่า “ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ(ซบ.) พระผู้ทรงกรุณา พระผู้ทรงเมตตานิรันด์ โอ้ รอซูลเอ้ยจงประกาศสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้าจากพระผู้อภิบาลของเจ้า (เกี่ยวกับสิทธิตำแหน่ง(นำของท่านอะลี) และถ้าเจ้าไม่ได้ปฏิบัติ ดังนั้นเจ้าไม่ได้ประกาศสาส์นของพระองค์เลยและอัลลอฮฺจะทรงคุ้มกันเจ้าให้พ้นจากหมู่มนุษย์(ผู้มุ่งร้ายต่อเจ้า)(ซูเราะห์อัลมาอิดะฮฺ/อายะที่ 67)
13 โอ้ ประชาชนทั้งหลาย ฉันไม่ได้เพิกเฉยในการประกาศบัญญัติที่อัลลอฮฺทรงประทานแก่ฉัน (ตราบจนถึงขณะนี้ทุกสิ่งที่เป็นหน้าที่ของฉัน ฉันได้ประกาศต่อพวกท่านแล้ว) บัดนี้ฉันจะอธิบายสาเหตุของการประทานโองการนี้ลงมา (เพื่อพวกท่านจะได้ไม่คิดว่ามัน(การประกาศตำแหน่งอิมามของท่านอะลี)นั้นมาจากฉัน) แท้จริงท่านญิบรออีล (อ.) ได้ลงมาหาฉันถึง 3 ครั้งด้วยกันได้กล่าวสลามจากพระผู้อภิบาลของฉันแก่ฉัน พระองค์บัญชาแก่ฉันว่าให้ฉันหยุด ณ สถานที่แห่งนี้ (เฆาะดีรคุม) แล้วยืนขึ้นท่ามกลางพวกท่านเพื่อประกาศแก่ท่านทั้งหลายทั้งชนผิวดำและผิวขาวว่า อะลีบุตรของอบีฎอลิบคือตัวแทนและเป็นเคาะลิฟะฮฺของฉัน เขาเป็นอิมาม (ผู้นำ) ภายหลังจากฉัน ผู้ซึ่งฐานันดรของเขากับฉันประหนึ่งฐานันดรของนะบีมูซากับนะบีฮารูน เว้นเสียแต่จะมีความแตกต่างกันตรงที่ว่า จะไม่มีนะบีภายหลังจากฉันอีกแล้ว เขา(ท่านอะลี)คือผู้ปกครองพวกท่านหลังจากอัลลอฮฺ(ซบ.) และเราะซูลของพระองค์ แน่นอนอัลลอฮฺพระผู้ทรงสูงส่งและเกรียงไกรได้ประทานโองการหนึ่งจากคัมภีร์ของพระองค์ลงมายังฉันว่า อันที่จริงผู้ปกครองของสูเจ้าคือ อัลลอฮฺ(ซบ.)และเราะซูลของพระองค์และบรรดาผู้ศรัทธาที่ดำรงการนมาซ และบริจาคซะกาตและขณะเดียวกันพวกเขาก็เป็นผู้ก้มรุกูอฺ (ซูเราะห์อัลมาอิดะฮฺ/อายะห์ที่ 55) และนี่คืออะลีบุตรของอบีฎอลิบ ผู้ซึ่งดำรงนะมาส และบริจาคซะกาตขณะที่เขาก้มรุกูอฺซึ่งได้ทำตามพระประสงค์ของอัลลอฮฺพระผู้ทรงเกรียงไกรแล้ว
14 ฉันได้ขอร้องญิบรีล(อฺ) ว่าให้ขออนุญาตต่ออัลลอฮฺว่าขอพระองค์ทรงถอดถอนฉันจากประกาศสาสน์นี้แก่พวกท่าน โอ้ ประชาชนเอ่ยฉันทราบดีว่ามีผู้สำรวมตนเพียงน้อยนิด แต่พวกกลับกลอกนั้นมีมากมายผู้ประพฤติผิดที่มากด้วยเลห์เหลี่ยมและพวกที่มากด้วยเล่ห์เพทุบายซึ่งพวกเขาคอยเย้ยหยันอิสลาม อัลลอฮฺทรงสาธยายลักษณะของพวกเขาไว้ในคัมภีร์ของพระองค์ว่า “พวกเขาพูดกันว่าด้วยปากในสิ่งที่พวกเขาไม่มีความรู้และพวกเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กแต่ ณ.ที่อัลลอฮฺนั้นเป็นเรื่องใหญ่หลวง” (ซูเราะห์อัลนูร /อายะห์ที่15)
15 โดยที่พวกเขา (มุนาฟิก) ได้ทำร้ายฉันมากมายหลายครั้งมิใช่ครั้งเดียวจนกระทั้งพวกเขาขนานนามฉันว่าเป็นคนหูเบา และพวกเขามั่นใจว่าฉันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะเขา (อะลี)อยู่ใกล้ชิดกับฉันที่สุด และฉันก็เอาใจใส่เขามาเป็นพิเศษ จนกระทั้งว่าอัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่งและเกรียงไกรได้ประทานอัลกุรอ่านโองการหนึ่งลงมา (ซูเราะห์เตาบะฮฺ อายะที่ 61 ) “และในหมู่พวกเขานั้นมีบรรดาผู้ที่ก่อความเดือดร้อนโดยที่พวกเขากล่าวว่า เขาหูเบา จงกล่าวว่า หูนั้น(ต่อพวกที่คิดว่าท่านเป็นคนหูเบา) ดีสำหรับสูเจ้าโดยที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ(ซบ.)และเชื่อถือต่อผู้ศรัทธาทั้งหลายและเป็นการเมตตาแก่บรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเจ้า และบรรดาผู้ที่ก่อความเดือดร้อนแก่ศาสนทูตของอัลลอฮฺพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด” และถ้าฉันประสงค์ฉันจะระบุนามของพวกเขาที่กล่าวเช่นนั้น แน่นอนฉันสามารถชี้ไปที่พวกเขาหรือทำสัญลักษณ์ เพื่อให้ประชาชนได้รู้จักพวกเขาฉันก็สามารถทำได้แต่ขอสาบานด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺว่า ฉันให้เกียรติในกิจกรรมของพวกเขาฉันได้ปิดปากเงียบสนิท
16 แต่สิ่งที่ฉันกล่าวมาทั้งหมดนี้ อัลลอฮฺ(ซบ.)จะไม่พึงพอพระทัยฉันเด็ดขาดเว้นแต่ว่าฉันจะประทานสิ่งที่อัลลอฮฺ(ซบ.)ทรงประทานลงมาแก่ฉัน (เรื่องสิทธิตำแหน่งอิมามอันชอบธรรมของท่านอะลี) หลังจากนั้นท่านนะบี (ซล.)ได้อ่านโองการว่า “โอ้เราะซูลเอ๋ยจงประกาศสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้าจากพระผู้อภิบาลของเจ้า (เกี่ยวกับสิทธิตำแหน่งอิมามผู้นำของอะลี) และถ้าเจ้าไม่ได้ปฏิบัติ ดังนั้นเจ้าก็ไม่ได้ประกาศสาส์นของพระองค์เลย และอัลลอฮฺ(ซบ.)ทรงคุ้มกันเจ้าให้พ้นจากมนุษย์(ที่มุ่งปองร้ายต่อเจ้า)
ส่วนที่ 3 การประกาศอำนาจวิลายะฮ์และอิมาม 12 อย่างเป็นทางการ
17 พึงรู้ไว้เถิดว่า โอ้ประชาชนเอ่ยแท้จริงอัลลอฮฺทรงแต่งตั้งเขา (อะลี)ให้เป็นผู้ปกครองและเป็นอิมามสำหรับพวกท่าน เป็นวาญิบที่ต้องเชื่อปฏิบัติตามเขาทั้งชาวมุฮาญิรีนและชาวอันซอรทั้งหลาย บรรดาตาบิอีนผู้ที่ปฏิบัติพวกเขาทั้งสองในสิ่งที่ดีบรรดาผู้ที่ไม่ใช่ชาวอาหรับหรือเป็นชาวอาหรับ บรรดาผู้ที่เป็นเสรีชนหรือเป็นทาส เด็กหรือผู้ใหญ่ คนผิวขาวหรือผิวดำและทุกคนที่เคารพในพระเจ้าองค์เดียว
(ฉันขอเตือน) คำตัดสินของเขา(ท่านอะลี)คือสิ่งอนุญาต คำพูดของเขาคือประโยชน์ คำสั่งของเขาจำเป็นต้องปฏิบัติตาม ผู้ใดฝ่าฝืนเขาจะได้รับการสาปแช่ง ผู้ใดเชื่อฟังปฏิบัติตามและยอมรับเขาจะได้รับความเมตตา แน่นอน อัลลอฮฺทรงอภัยโทษแก่ผู้ที่ฟังคำพูดเขาและเชื่อฟังปฏิบัติตามเขา
18 โอ้ประชาชนเอ๋ย ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้ลุกขึ้นยืนท่ามกลางหมู่ชน (เพื่อกล่าวบางอย่างแก่พวกท่าน) ดังนั้นจงฟังคำพูดฉันให้ดีแล้วจงเชื่อฟังปฏิบัติตามคำบัญชาของพระผู้อภิบาลของพวกเจ้า แท้จริง อัลลอฮฺพระผู้ทรงสูงส่งและเกรียงไกรคือ พระผู้อภิบาลของพวกท่าน ผู้ทรงคุ้มครอง และเป็นพระเจ้าของพวกท่าน หลังจากนั้นฉันคือศาสนทูตของพระองค์ (ท่านนะบี มุฮัมมัด (ซล.) เป็นผู้ปกครองที่ยืนอยู่ท่ามกลางพวกท่านและกำลังพูดกับพวกท่านอยู่ในขณะนี้และหลังจากนั้นทายาทของฉันที่กำเนิดจากเขา (อะลี) จะเป็นอิมาม(ผู้นำ) ตราบจนถึงวันที่แห่งการฟื้นคืนชีพ(วันกิยามัต)วันซึ่งพวกเขาจะได้พบกับอัลลอฮฺ(ซบ.)และเราะซูลของพระองค์
19 ไม่มีสิ่งใดอนุมัติ (ฮะลาล) นอกจากสิ่งที่อัลลอฮฺทรงอนุมัติไว้ ไม่มีสิ่งใดต้องห้าม (ฮะรอม)นอกจากอัลลอฮฺทรงห้ามไว้ อัลลอฮฺได้สอนฉันให้รู้จักสิ่งฮะลาลและสิ่งฮะรอมและสิ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากพระผู้อภิบาลของฉันและจากคัมภีร์ของพระองค์ ทั้งฮะลาลและฮะรอมฉันได้สอนสั่งพวกท่านแล้ว
20 โอ้ประชาชนทั้งหลาย จงให้เกียรติเขา(อะลี)เถิดไม่มีความรู้อันใดนอกจากที่อัลลอฮฺได้ทรงรวบรวมไว้ที่นั้น และทุกความรู้ที่ฉันได้รู้ฉันได้สอนแก่อะลีผู้เป็นอิมามของมวลผู้สำรวมตน และไม่มีความรู้อันใดนอกจากสิ่งที่ฉันได้สอนแก่อะลีเขาคืออิมามผู้ชี้นำอันชัดแจ้ง ดังที่อัลลอฮฺ(ซบ.)ทรงรับสั่งไว้ในบทยาซีน โองการ 12 ว่า”และเราได้รวบรวมทุกสรรพสิ่งไว้อย่างครบถ้วน ณ อิมามอย่างชัดเจนแล้ว”
21 โอ้ประชาชนเอ๋ยจงอย่าหลงไปจากแนวทางของเขา(อะลี) และจงอย่าออกห่างเขาและอย่าเบี่ยงเบนปฏิเสธวิลายะฮฺและอิมามของเขา เพราะเขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถชี้นำไปสู่ทางที่ถูกต้องได้จงเชื่อฟังปฏิบัติตามเขา เนื่องจากเขาเป็นผู้ทำลายสิ่งผิดและห้ามปรามสิ่งเหล่านั้นแม้ว่าเขาจะถูกประนามหยามเกียรติในหนทางของอัลลอฮฺก็ตาม
22 เขาเป็นคนแรกที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺเราะซูลเขาเป็นคนแรกที่พลีชีวิตด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่อเราะซูล เขาเป็นคนแรกที่อิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮฺพร้อมกับเราะซูลขณะที่ไม่มีผู้ใดอิบาดะฮฺพร้อมกับเราะซูลของพระองค์นอกจากเขา
23 อะลีเป็นคนแรกที่นะมาซและเป็นคนแรกที่อิบาดะฮฺพร้อมกับฉัน ฉันได้สั่งเขาด้วยบัญชาของอัลลอฮฺว่าในคืนอพยพให้เขานอนแทนที่ฉันบนเตียงนอนของฉัน เขาได้ปฏิบัติตามโดยนอนแทนที่และยอมเสียสละชีวิตของเขาเพื่อฉัน
24 โอ้ประชาชนเอ๋ย จงให้เกียรติอะลีเหนือคนอื่น เนื่องจากแท้จริงแล้วอัลลอฮฺทรงให้เกียรติแก่เขาและจงยอมรับเขาในฐานะของอิมามเนื่องด้วยอัลลอฮฺทรงแต่งตั้งเขาให้เป็นอิมาม
25 โอ้ประชาชนเอ๋ย แท้จริงอะลีเป็นอิมามที่มาจากอัลลอฮฺ(ซบ.)อัลลอฮฺไม่มีวันตอบรับการขอโทษของผู้ใดที่ปฏิเสธวิลายะฮฺของเขา อัลลอฮจะไม่อภัยโทษแก่บุคคลที่ปฏิเสธวิลายะฮฺของอะลี เนื่องจากเขาผู้นั้นได้ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺเกี่ยวกับอะลีดังนั้น จำเป็นต้องลงโทษเขาอย่างแสนสาหัสตลอดไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ฉะนั้นจงเกรงกลัวต่อการฝ่าฝืนพระองค์เถิด เพราะจะเป็นเหตุทำให้เข้าสู่ไฟนรก เชื้อเพลิงของมันคือมนุษย์และหินซึ่งได้ถูกเตรียมไว้สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลายแล้ว
26 โอ้ประชาชนเอ๋ย ฉันขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่าบรรดาบรรพชนก่อนหน้าผู้เป็นนะบีและเราะซูลได้แจ้งข่าวถึงการมีอยู่ของฉัน ฉันเป็นนะบีและเป็นเราะซูลคนสุดท้ายฉันเป็นข้อพิสูจน์สำหรับสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งมวล ไม่ว่าจะเป็นชาวฟ้าหรือชาวดินดังนั้นผู้ใดสงสัยในเรื่องดังกล่าวเขาคือผู้ปฏิเสธศรัทธา เป็นการปฏิเสธเยี่ยงการปฏิเสธของชนรุ่นแรกและถ้าผู้ใดสงสัยคำพูดหนึ่งใดของฉัน ประหนึ่งเขาได้สงสัยคำพูดทั้งหมดของฉันและสำหรับบรรดาผู้สงสัยทั้งหลายนั้นสถานพำนักของเขาคือไฟนรกอเวจี
27 โอ้ประชาชนอัลลอฮฺ ผู้ทรงสูงส่งและเกรียงไกรได้มอบความประเสริฐนี้แก่ฉันดังนั้นพระองค์ได้มอบโปรดปรานและความดีแก่ฉัน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ สำหรับพระองค์คือการสรรเสริญทั้งมวลจากฉันในทุกสภาวการณ์ตลอดไปตราบชั่วอายุขัยของฉัน
28 โอ้ ประชาชนเอ๋ย จงให้เกรียติแก่อะลีเถิด เพราะเขามีความประเสริฐที่สุดในหมู่ประชาชาติทั้งหญิงและชายภายหลังจากฉัน ตราบเท่าที่พระองค์อัลลอฮฺได้ทรงประทานริสกีปัจจัยยังชีพและยังคงประทานชีวิตแด่สรรพสิ่งทั้งมวลให้ธำรงอยู่ต่อไป แน่นอนย่อมถูกสาปแช่ง ย่อมถูกสาปแช่ง ถูกโกรธกริ้ว และถูกโกรธกริ้ว สำหรับบุคคลที่ปฏิเสธถ้อยแถลงของฉันในสภาพที่เขาไม่ยอมรับคำสั่งของฉันเกี่ยวกับอะลี พึงรู้ไว้เถิดแท้จริงมลาอิกะฮฺญิบรออีลได้แจ้งข่าวดีจากอัลลอฮฺแก่ฉันว่า พระองค์ตรัสว่า “ใครก็ตามที่เป็นศัตรูกับอะลีและไม่ยอมรับวิลายะฮฺของเขา ดังนั้นฉันจะสาปแช่งและโกรธกริ้วเขา ฉะนั้นจงใคร่ครวญเถิดสำหรับสิ่งที่จะกระทำเพื่อวันพรุ่ง จงสำรวจตนต่ออัลลอฮฺ(ซบ.)จากการฝ่าฝืนและเป็นปรปักษ์กับอะลี ฉะนั้นหลังจากการยอมรับและสารภาพแล้วจงมั่นคงเถิด แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้ในสิ่งที่สูเจ้าปฏิบัติ
29 โอ้ ประชาชนเอ๋ยแท้จริงอะลีนั้นอยู่เคียงข้างอัลลอฮฺเสมอ ซึ่งพระองค์ตรัสไว้ในคัมภีร์ของพระองค์(เป็นการแจ้งให้ผู้ที่ฝ่าฝืนพระองค์ได้ทราบ) ซึ่งพวกเขาจะกล่าวว่า”โอ้ ความหายนะแก่ข้าฯที่ข้าฯทอดทิ้ง(หน้าที่)ที่มีต่ออัลลอฮฺ”(ซูเราะห์อัซซุมัร/อายะห์ที่56)
30 โอ้ ประชาชนเอ๋ย พวกท่านจงใคร่ครวญอัลกุรอ่านเถิดจงทำความเข้าใจกับบรรดาโองการทั้งหลาย และจงพิจารณาบรรดาโองการที่ชัดแจ้งจงอย่าปฏิบัติตามบรรดาโองการที่คลุมเครือ ขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่า จะไม่มีผู้ใดตีความด้านในหรืออธิบายอัลกุรอ่านแก่พวกท่านได้ภายหลังฉัน นอกจากผู้ที่ฉันได้จับมือของเขาแล้วชูสูงขึ้น(จนท่านทั้งหลายได้เห็นรักแร้) แล้วฉันได้ประกาศว่า บุคคลใดฉันเป็นผู้ปกครองเขาดังนั้นอะลีก็เป็นผู้ปกครองเขาด้วย อะลีคนนี้คือบุตรของอบูฏอลิบ เขาเป็นน้องและเป็นตัวแทนของฉัน วิลายะฮฺและการเป็นอิมามของเขาเป็นข้อบัญญัติของอัลลอฮฺซึ่งทรงประทานลงมายังฉัน
31 โอ้ประชาชนเอ๋ย แท้จริงอะลีและทายาทที่บริสุทธิ์ของฉันคือ สิ่งหนักสำคัญชนิดเล็ก ส่วนอัลกุรอ่านคือสิ่งหนักสำคัญอันยิ่งใหญ่ ดังนั้น แต่ละสิ่งจากทั้งสองต่างอธิบายซึ่งกันและกัน และมีความสอดคล้องกัน ทั้งสองจะไม่แยกออกจากกันจนกว่าทั้งสองจะได้มาพบฉัน ณ. บ่อน้ำเกาษัร พึงรู้ไว้เถิดว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นผู้รักษาอะมานะฮ์แห่งอัลลอฮฺท่ามกลางประชาชาติของพระองค์และเป็นผู้ชี้ขาดในแผ่นดินของพระองค์
32 โอ้อัลลอฮฺขอพระองค์ทรงเป็นพยาน แท้จริงฉันได้ประกาศสาส์นแก่ประชาชาติแล้วฉันได้ประกาศแล้ว ฉันได้ให้ประกาศให้ได้ยินแล้ว ฉันได้อธิบายอย่างชัดเจนแล้ว พึงรู้ไว้เถิดแท้จริงนี้คือพระบัญชาแห่งอัลลอฮฺ(ซบ.)ผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงสูงส่งซึ่งฉันได้พูดแทนพระองค์ผู้ทรงสูงส่ง
33 พึงรู้ไว้เถิดแท้จริงไม่มีผู้ใดเป็นผู้นำมวลผู้ศรัทธาทั้งหลายได้ นอกจากอะลีลูกผู้พี่ของฉันคนนี้ซึ่งไม่เป็นที่อนุญาตให้ผู้ใดเป็นผู้นำมวลผู้ศรัทธาภายหลังจากฉัน นอกจากเขาเท่านั้น
ส่วนที่ 4 หลังจากนั้นท่านศาสดาได้จับไหล่ของอะลี(อฺ)แล้วดึงขึ้นสูง พร้อมกับกล่าวว่า
34 ท่านนบี(ซล.) ได้กล่าวอีกว่า โอ้ประชาชนเอ๋ยใครเล่ามีสิทธิ์เหนือชีวิตของพวกท่านมากไปกว่าฉัน? พวกเขาตอบว่า อัลลอฮฺและเราะซูลของพระองค์ดังนั้นท่านนบีจึงกล่าวว่า พึงรู้ไว้เถิด ใครก็ตามที่ฉันเป็นผู้ปกครองเขา อะลีคนนี้ก็เป็นผู้ปกครองเขาด้วย ขออัลลอฮฺโปรดรักผู้ที่รักเขา โปรดเป็นศัตรูกับผู้ที่เป็นศัตรูกับเขา โปรดช่วยเหลือผู้ที่ช่วยเหลือเขาและโปรดทอดทิ้งผู้ที่ทอดทิ้งเขา
35 โอ้ ประชาชนเอ๋ย อะลีคนนี้คือพี่น้องชายของฉันเขาเป็นตัวแทนของฉันเป็นคลังแห่งวิชาการของฉัน เป็นเคาะลีฟะฮฺของฉันในหมู่ประชาชาติที่ศรัทธาต่อฉันเป็นผู้อธิบายคัมภีร์แห่งอัลลอฮฺผู้ทรงเกรียงไกร เขาเป็นผู้เชิญชวนพวกท่านไปสู่อัลลอฮฺ เขาพึงปฏิบัติสิ่งที่เป็นความพึงพอพระทัยของพระองค์ เขาต่อสู้กับศัตรูของพระองค์อย่างองอาจเขาคือผู้นำในการเคารพภักดีต่อพระองค์และเป็นผู้ห้ามปรามการทำบาปต่อพระองค์
36 แท้จริงเขาเป็นเคาะลิฟะฮ์ของเราะซูลแห่งอัลลอฮฺ(ซบ.)เขาเป็นผู้นำมวลผู้ศรัทธาทั้งหลาย เขาเป็นอิมามผู้ชี้นำทางของอัลลอฮฺ(ซบ. ) เขาเป็นผู้ต่อสู้ด้วยพระบัญชาของอัลลอฮฺ(ซบ.)กับบรรดาผู้ที่บิดพลิ้วสัญญา (นากีซีน) บรรดาผู้อธรรม (กอซิฏิน)และบรรดาผู้ออกนอกศาสนา(มารีกีน)
37 อัลลอฮฺ(ซบ.)ทรงตรัสว่า “ บัญชาของข้าไม่มีการการเปลี่ยนแปลง ด้วยพระบัญชาของพระองค์ โอ้พระผู้อิบาลของฉัน ฉันขอกล่าวว่า โอ้อัลลอฮฺโปรดรักผู้ที่รักเขาโปรดเป็นศัตรูกับผู้ที่เป็นศัตรูกับเขา โปรดช่วยเหลือผู้ที่ช่วยเหลือเขา และโปรดทอดทิ้งผู้ที่ทอดทิ้งเขา) ขอทรงสาปแช่งผู้ที่ปฏิเสธเขาและทรงโกรธกริ้วผู้ที่ปฏิเสธสิทธิ์อันชอบธรรมของเขา
38 โอ้ อัลลอฮฺแท้จริงพระองค์ทรงประทานโองการหนึ่งเกี่ยวกับอะลี ผู้ปกครองของพระองค์แล้วมีบัญชาให้ฉันอธิบายแก่ประชาชน และฉันได้แต่งตั้งเขาเป็นผู้นำแล้วในวันนี้(วันนี้ฉันได้ทำให้ศาสนาของพวกเจ้าสมบูรณ์เพื่อพวกเจ้าแล้วและฉันได้ทำให้ความโปรดปรานของฉันที่มีต่อพวกเจ้าครบบริบูรณ์และฉันได้เลือกให้อิสลามเป็นศาสนาของพวกเจ้า) พระองค์ตรัสอีกว่า อันที่จริงศาสนา ณ อัลลอฮฺคืออิสลามแล้วพระองค์ตรัสว่า และผู้ใดแสวงหาศาสนานอกจากอิสลามแล้วศาสนานั้นก็จะไม่ถูกรับจากเขาเป็นอันขาดและในปรโลกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้สูญเสียขาดทุน (ซูเราะห์อาลิอิมรอน/อายะห์ที่ 85)
39 โอ้อัลลอฮฺ(ซบ.)แท้จริงพระองค์ทรงประทานโองการหนึ่งเกี่ยวกับอะลี ผู้ปกครองของพระองค์แล้วมีบัญชาให้ฉันอธิบายแก่ประชาชน และฉันได้แต่งตั้งเขาเป้นผู้นำแล้วในวันนี้ (วันนี้ฉันได้ทำให้ความโปรดปรานของฉันที่มีต่อพวกเจ้าครบบริบูรณ์และฉันได้เลือกให้อิสลามเป็นศาสนาของพวกเจ้า) พระองค์ตรัสว่า อันที่จริงศาสนา ณ. อัลลอฮฺคืออิสลามแล้วพระองค์ตรัสว่า และผู้ใดแสวงหาศาสนาใดอื่นนอกจากอิสลามแล้วศาสนานั้นก็จะไม่ถูกรับจากเขาเป็นอันขาดและในปรโลกเขาจะอยู่ในหมู่ผู้สูญเสียขาดทุน (ซูเราะห์อาลิอิมรอน/อายะห์ที่ 85)
โอ้อัลลอฮฺ(ซบ.)แท้จริงขอพระองค์ทรงเป็นพยานว่า ฉันได้ประกาศสาส์นของพระองค์แล้ว
ส่วนที่ 5 เน้นย้ำประชาชนให้เอาใจใส่ต่อเรื่องอิมามมะฮ์
40 โอ้ประชาชนเอ๋ย แท้จริงอัลลอฮฺ(ซบ.)ผู้ทรงเกรียงไกร ทรงทำให้ศาสนาของพวกท่านสมบูรณ์แล้วด้วยตำแหน่งอิมามมะฮ์ของอะลี (อฺ) ดังนั้นผู้ใดก็ตามไม่ปฏิบัติตามเขาไม่ปฏิบัติตามตัวแทนของเขาผู้เป็นทายาทของฉันที่สืบเชื้อสายจากเขาตราบจนถึงวันกิยามะฮฺซึ่งได้ถูกเสนอต่ออัลลอฮฺ(ซบ.)ผู้ทรงเกรียงไกรแล้ว ดังนั้น การงานของพวกเขาทั้งสองโลกไร้ประโยชน์(เป็นโมฆะหมด)และพวกเขาจะพำนักอยู่ในนรกตลอดไป โดยที่การลงโทษนั้นจะไม่ถูกผ่อนปรนแก่พวกเขา และพวกเขาก็จะไม่ถูกรั้งรด(ซูเราะห์อัลบะเกาะเราะฮฺ /162)
41 โอ้ประชาชนเอ๋ย นี้คืออะลี ผู้ที่ช่วยเหลือฉันมากกว่าพวกท่าน ผู้ที่มีสิทธิ์ยิ่งกว่าพวกท่านสำหรับฉันผู้มีความใกล้ชิดกับฉันและเป็นที่รักสำหรับฉันมากกว่าพวกท่าน อัลลอฮฺและเราะซูลต่างพึงพอใจเขาไม่มีอัลกุรอ่านโองการใดถูกประทานลงมาบนความพึงพอพระทัยของพระองค์ นอกจากลงมาเกี่ยวกับเขา อัลลอฮฺไม่ทรงเรียกผู้ศรัทธาคนใดนอกจากเริ่มที่เขาก่อน โองการสรรเสริญสดุดีมิได้ถูกประทานลงมาในอัลกุรอ่านนอกจากเกี่ยวกับเขา อัลลอฮฺไม่ทรงเรียกผู้ศรัทธาคนใดนอกจากเริ่มที่เขาก่อน โองการสรรเสริญสดุดีมิได้ถูกประทานลงมาในอัลกุรอ่านนอกจากเกี่ยวกับเขา อัลกุรอ่านโองการ อัลอะตาอะลัลอินซาน มิได้ยืนยันถึงชาวสวรรค์ นอกจากเกี่ยวกับเขาและโองการดังกล่าวมิได้ถูกประทานลงมาแก่ผู้ใดหรือสรรเสริญใครอื่นนอกจากเขา(ท่านอะลี)เท่านั้น
42 โอ้ ประชาชนเอ๋ย อะลีคือผู้ช่วยเหลือศาสนาของอัลลอฮฺ(ซบ.)เป็นผู้ปกป้องเราะซูลของพระองค์เขาเป็นผู้มีความสำรวมตนสูง มีความสะอาดบริสุทธิ์ เป็นผู้นำทางที่ได้รับการชี้นำแล้วจากนะบีของพวกท่านเป็นนบีที่ดีที่สุด ตัวแทนของเขาเป็นตัวแทนที่ดีที่สุด (บุตรหลานของเขาเป็นตัวแทนที่ดีที่สุด) โอ้ประชาชนเอ๋ย บรรดาลูกหลานของบรรดานบี ล้วนมาจากเชื้อไขของพวกเขาแต่ลูกหลานของฉันมาจากเชื้อไขของอะมีรุลมุอฺมินีนท่านอะลี บุตรอะบีตอลิบ
43 โอ้ ประชาชนเอ๋ย แท้จริงอิบลีสได้ทำให้อาดัมต้องออกจากสวรรค์ เนื่องด้วยความอิจฉาริษยาดังนั้น พวกท่านจงอย่าอิจฉาริษยาอะลี เพราะจะเป็นเหตุทำให้การงานของพวกท่านสูญเปล่าและเท้าทั้งสองของพวกท่านต้องหันเหออกไป แท้จริง อาดัม(อฺ) ได้ถูกขับลงมาดังแผ่นดินเพราะความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว ทั้งที่เขาได้การรับเลือกสรรแล้วจากอัลลอฮฺผู้ทรงเกรียงไกร ฉะนั้น สภาพของพวกท่านจะเป็นอย่างไร? ถ้าพวกท่านปฏิเสธวิลายะฮฺของอะลี โดยที่มีบางคนจากพวกท่านเป็นศัตรูกับอัลลอฮฺ
44 ดังนั้น พึงรู้ไว้เถิด ไม่มีผู้ใดเป็นศัตรูกับอะลีนอกจากผู้เกลียดชังเขา ไม่มีผู้ใดรักอะลีนอกจากผู้ศรัทธาที่สำรวมตนเท่านั้น และไม่มีผู้ใดศรัทธาอะลีนอกจากเป็นคนศรัทธาที่บริสุทธิ์ใจเท่านั้นขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่า อัลกุรอ่านบทอัลอัศริ ได้ถูกประทานมาแก่อะลี “ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ(ซบ.)พระผู้ทรงกรุณา พระผู้ทรงเมตตานิรันด์
ขอสาบานด้วยกาลเวลา แท้จริงมนุษย์ตกอยู่ในการขาดทุนนอกจากบรรดาผู้ศรัทธาที่ประกาศ ความดี ตักเตือนซึ่งกันและกัน ในสิ่งที่เป็นสัจธรรมและความอดทนเท่านั้น
45 โอ้ ประชาชนเอ๋ย ฉันขอให้อัลลอฮฺทรงเป็นพยานว่าฉันได้ประกาศสาส์นของพระองค์แก่พวกท่านแล้ว “หน้าที่ของศาสนทูตนั้นไม่ใช่สิ่งอันใดอื่นนอกจากประกาศให้ทราบเท่านั้น “ (ซูเราะห์อัลมาอิดะฮฺ / 97)“หน้าที่ของศาสนทูตนั้นไม่ใช่อันใดอื่นนอกจากประกาศให้ทราบเท่านั้น” (ซูเราะห์อัลกะบูต / 88)
46 โอ้ ประชาชนเอ๋ยจงสำรวมตนต่ออัลลอฮฺอย่างแท้จริงเถิด และสูเจ้าจงอย่าตายเป็นอันขาดนอกจากสูเจ้าจะอยู่ในฐานะเป็นผู้สวามิภักดิ์เท่านั้น (ซูเราะห์อาลิอิมรอน/ 102)
ส่วนที่ 6 กล่าวถึงการทำลายแผนการต่างๆของพวกกลับกลอก
47 โอ้ ประชาชนเอ่ย สูเจ้าจงศรัทธาต่ออัลลอฮฺและเราะซูลของพระองค์และรัศมีที่ได้ถูกประทานมาพร้อมกับเขา (ซูเราะห์ตะฆอบูน / 8) ก่อนที่เราจะลบใบหน้าของพวกเขาแล้วให้มันกลับไปอยู่ข้างหลังของมันหรือไม่ก็สาปแช่งพวกเขา เช่นเดียวกับที่ได้สาปบรรดาผู้ที่ทำการละเมิดในวันเสาร์ (อัลกุรอ่านบทนิซาอฺ 47) ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ(ซบ.)วัตถุประสงค์ของอัลลอฮฺจากโครงการดังกล่าวคือเชาะฮาบะฮฺกลุ่มหนึ่งของศาสดา ซึ่งฉันรู้จักชื่อและนามสกุลของพวกเขาเป็นอย่างดีแต่เนื่องจาการกระทำแบบหลบๆ ซ่อนๆ ของพวกเขาฉันจึงมีหน้าที่ต้องปิดบังการนั้นแต่อย่างไรก็ตามบุคคลใดที่ได้กระทำการใดๆ แล้วสร้างความพึงพอใจหรือโกรธเกลียดแก่จิตใจของอะลีพึงรู้ไว้เถิดว่าคุณค่าของงานขึ้นอยู่กับสิ่งที่เขากระทำ
48 โอ้ประชาชนเอ๋ย ประกายรัศมีจากอัลลอฮฺ(ซบ.)ผู้ทรงเกรียงไกรได้ฉายส่องที่จิตวิญญาณของฉันหลังจากนั้นอะลี บุตรของอบูฏอลิบ หลังจากนั้นลูกหลานของเขาตราบจนถึงการปรากฏกายของ(อิมาม)มะฮฺดีย์เขาจะเป็นผู้รวบรวมสิทธิของอัลลอฮฺ(ซบ.)และสิทธิของเราอะฮฺลุลบัยตฺ เนื่องจากอัลลอฮฺผู้ทรงเกรียงไกรได้ทำให้พวกเราเป็นข้อพิสูจน์สำหรับหมู่ชนที่เฉยเมย ศัตรูผู้ดื้อรั้น ผู้ที่ฝ่าฝืน ผู้ที่ทรยศหักหลังผู้ที่ทำบาป ผู้ที่อธรรมประชาชนทั้งมวลในสากลโลก
49 โอ้ ประชาชนเอ๋ย ฉันขอย้ำเตือนพวกท่านว่า ฉันคือศาสทูตของอัลลอฮฺที่ถูกส่งมายังพวกท่านซึ้งก่อนหน้าฉันมีเหล่าศาสนทูตได้ล่วงลับจากไป แล้วถ้าหากฉันตายหรือถูกสังหารพวกเจ้าจะหันส้นเท้าของพวกเจ้ากลับกระนั้นหรือ? และผู้ใดที่หันส้นเท้าทั้งสองของเขากลับเขาก็ไม่อาจจะก่อความเสียหายแก่อัลลอฮฺแต่อย่างใด และอัลลอฮฺ(ซบ.)จะทรงตอบแทนแก่ผู้กตัญญูทั้งหลาย (อัลกุรอ่าน บทอาลิอิมรอน/155)
50 พึงรู้ไว้เถิด อะลีได้ถูกพรรณนาไว้ด้วยคุณลักษณะของผู้มีความอดทนและกตัญญูเป็นที่สุดและหลังจากเขาคือลุกหลานของฉันที่สืบเชื้อสายมาจากเขา
51 โอ้ประชาชนเอ๋ย พวกเจ้าอย่าถือเอาการเข้ารับอิสลามมาทวงบุญคุณข้า (อัลกุรอ่าน บทฮุจญรอต /17) พระองค์จะทรงกริ้วพวกเจ้าและทรงลงโทษพวเจ้าด้วยเปลวไฟและทองแดง แน่นอนพระผู้อภิบาลของเจ้าทรงเฝ้าคอยดูอยู่ (อัลกุรอ่าน บทฟัจญ์ /14)
52 โอ้ ประชาชนเอ๋ยแท้จริงหลังจากฉันจะมีหัวหน้าเรียกร้องไปสู่นรกญะฮันนัม และในวันฟื้นคืนชีพพวกเขาจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ โอ้ประชาชนเอ๋ยแท้จริงอัลลอฮฺและฉันจะพ้นมลทินไปจากพวกเขา (อัลกุรอ่าน บทเกาะซ้อร / 41)
53 พึงรู้ไว้เถิดฉันและอัลลอฮฺห่างไกลและเกลียดชังคนพวกนี้
54 โอ้ ประชาชนเอ๋ย แท้จริงพวกเขา บรรดาผู้ที่ช่วยเหลือพวกเขา ผู้ที่ปฏิบัติตามพวกเขาและผู้ที่สนับสนุนพวกเขาจะพำนักอยู่ในนรกขั้นต่ำสุด อันเป็นพำนักของพวกหยิ่งผยองเลวร้ายยิ่ง
55 พึงรู้ไว้เถิด แท้จริงพวกเขาคือเหล่าสหายแห่งเคาะลีฟะฮฺ ดังนั้นเจ้าแต่ละคนจงพิจารณาดูแผ่นบันทึกเถิด
56 โอ้ ประชาชนเอ๋ย แท้จริงฉันมอบตัวแทนในฐานะของอิมาม (ผู้นำ)และเป็นผู้สืบทอดอะมานะฮ์ตราบจนถึงวันกิยามะฮฺไว้ในหมู่ลุกหลานของฉัน ฉันได้ประกาศสิ่งที่ฉันถูกบัญชาให้ประกาศแล้ว เพื่อเป็นข้อพิสูจน์สำหรับผู้ที่อยู่ ณ ที่นี่หรือไม่ได้อยู่ สำหรับทุกคนที่พบเห็นและไม่ได้เห็น และแก่ทุกคนที่เกิดมาแล้วและยังไม่ได้เกิด ดังนั้นผู้ที่อยู่ ณ ที่นี่แจ้งให้ผู้ที่ไม่ได้อยู่ได้รับทราบและผู้เป็นบิดาจงแจ้งให้ลูกๆได้รับทราบตราบจนวันกิยามะฮฺ
57 และในไม่ช้านี้พวกเขาจะเบี่ยงเบนตำแหน่งของการกลับไปสู่ระบบกษัตริย์ราชวงศ์ พึงรู้ไว้เถิดว่าอัลลอฮฺ(ซบ.)ทรงสาปแช่งผู้ที่ฉ้อโกงและผู้ที่พึงพอใจในการนั้น “ในไม่ช้านี้เราจะจัดการพวกเจ้า โอ้มนุษย์และญินเอ้ย” (อัลกุรอ่าน บทอัรเราะฮฺมาน / 31) “ในไม่ช้านี้เปลวไฟและควันหมอกจะถูกส่งมายังเจ้าทั้งสองแล้วเจ้าทั้งสองก็ไม่อาจขอความช่วยเหลือจากผู้ใดได้” (อัลกุรอ่าน บทอัรเราะฮมาน / 35)
58 โอ้ ประชาชนเอ๋ย แท้จริงอัลลอฮฺ(ซบ.)ผู้ทรงเกรียงไกร”ไม่ใช่ว่าอัลลอฮฺจะทรงทอดทิ้งบรรดาผู้ศรัทธาไว้ในสภาพที่พวกเจ้ากำลังเป็นอยู่ไปตลอด ทว่าจนกระทั้งพระองค์จะได้ทรงจำแนกผู้ที่เลวออกจากผู้ที่ดี และไม่ปรากฏว่าอัลลอฮฺจะแอบดูพวกเจ้าอยู่อย่างลับๆ” (อัลกุรอ่าน บทอาลิอิมรอน 179)
59 โอ้ ประชาชนเอ๋ย ไม่มีเสียงใดจะพินาศ นอกจากอัลลอฮฺได้ทำลายให้พินาศเนื่องจากชาวเมืองได้ปฏิเสธความจริงก่อนที่จะถึงวันกิยามะฮฺ และพระองค์จะทรงมอบสิ่งนั้นแก่อิมามมะฮดียฺและอัลลอฮฺเป็นผู้ปฏิบัติตามสัญญาของพระองค์เสมอ
60 โอ้ประชาชนเอ๋ย บรรพบุรุษแรกส่วนใหญ่หลงทางไปก่อนหน้าพวกเจ้า แน่นอนอัลลอฮฺได้ทำลายบรรพชนรุ่นแรก และพระองค์จะทำลายชนรุ่นหลังๆในลักษณะเดียวกัน อัลลอฮฺ(ซบ.)ตรัสว่า เรามิได้ทำลายชนชาติรุ่นแรกดอกหรือ หลังจากนั้นเราได้ให้ชนชาติรุ่นหลัง (หายนะ) ตามพวกเขาเราจะปฏิบัติต่อบรรดาผู้ฝ่าฝืนเช่นนี้ความหายนะในวันนั้นจะประสบแด่บรรดาผู้มุสา(อัลกุรอ่าน บทมุรซะลาต /16 / 19)
61 โอ้ ประชาชนเอ๋ย แท้จริงอัลลอฮฺ(ซบ.)ทรงมีคำสั่งใช้และคำสั่งห้ามแก่ฉันและฉันได้มีคำสั่งห้ามแก่อะลีตามบัญชาของพระองค์ ดังนั้น ความรู้ในเรื่องคำสั่งใช้และคำสั่งห้ามอยู่ ณ อะลี(หมด) พวกเจ้าจงฟังเขาเพื่อจะได้ปลอดภัย จงปฏิบัติตามเขาเพื่อพวกเจ้าจะได้รับทางนำและสิ่งใดที่เขาห้ามพวกเจ้าจงหลีกเลี่ยง เพื่อพวกเจ้าจะได้พบกับความจำเริญและจงเคลื่อนไหวสู่จุดหมายตามทางของเขา จงอย่าออกไปจากเขาเพื่อว่าชัยฏอนจะได้ไม่จับท่านแยกออกไปจากอะลี (อัลกุรอ่าน บทอันอาม / 153)
ส่วนที่ 7 ผู้ปฏิบัติตามอะฮฺลุลบัยตฺ (อฺ) และบรรดาศัตรูของพวกเขา
62 โอ้ ประชาชาติเอ๋ย ฉันคือทางเที่ยงตรงแห่งอัลลอฮฺหนทางซึ่งพระองค์ได้บัญชาให้พวกเจ้าปฏิบัติตาม หลักจากฉันอะลีคือหนทางอันเที่ยวตรงหลังจากเขาลูกหลานของฉันซึ่งสืบเชื้อสายมาจากเขาเป็นอิมามผู้นำไปสู่สัจธรรมและความถูกต้องและพวกเขาตัดสินด้วยความยุติธรรม (หลังจากนั้นท่านศาสดาได้อ่านซูเราะห์บทฟาติฮะห์ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺ(ซบ.)พระผู้ทรงกรุณา พระผู้ทรงเมตตานิรันด์
การสรรเสริญทั้งมวลเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ(ซบ.)พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลกผู้ทรงปรานี ผู้ทรงเมตตายิ่ง ผู้ทรงเจ้าแห่งวันตอบแทน เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกเราเคารพภักดีและเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกเราขอความช่วยเหลือ โปรดชี้นำพวกเราสู่แนวทางอันเที่ยงตรงทางของบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงโปรดปรานแก่พวกเขา มิใช่บรรดาพวกที่ถูกกริ้ว และมิใช่บรรดาพวกที่หลงผิด (ซูเราะห์บทฟาติฮะห์1-7)อัลกุรอ่าน บทนี้ได้ลงมาเกี่ยวกับฉัน และอะฮฺลุลบัยตฺของฉัน ซึ่งครอบคลุมพวกเขาทั้งหมดและจำกัดเฉพาะพวกเขาเท่านั้น “แท้จริง มวลมิตรจะไม่มีความหวาดกลัวแก่พวกเขาและพวกเขาจะไม่เศร้าโศก” (ซูเราะห์บทยูนุส /10 ) และแท้จริงพลพรรคของอัลลอฮฺคือผู้ที่ได้รับชัยชนะ
63 พึงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริงศัตรูของอะลีคือ พวกกลับกลอก(มุนาฟิก)ที่โง่เขลา “เป็นศัตรูต่อกันและกันและเป็นพลพรรคของชัยฏอน บางคนกระซิบกระซาบคำพูด ที่เสริมแต่งเพื่อหลอกลวงให้แก่กันและกัน” (ซูเราะห์บทอันอาม /113)
64 พึงรู้ไว้เถิด แท้จริงบรรดาพรรคพวกของบรรดาอิมาม ซึ่งอัลลอฮฺทรงกล่าวถึงพวกเขาไว้ในคัมภีร์ของพระองค์ว่า เจ้าจะไม่พบหมู่คนใดที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลกรักใคร่ผู้ที่ต่อต้านอัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์ดอกถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นพ่อของพวกเขาหรือลูกหลานของพวกเขา หรือพี่น้องของพวกเขาหรือเครือญาติของพวกเขาก็ตาม ชนเหล่านั้นอัลลอฮฺได้ทรงบันทึกการศรัทธาไว้ในจิตใจของพวกเขาและได้ทรงเสริมพวกเขาให้มีพลังมากขึ้นด้วยการสนับสนุนของพระองค์ และจะทรงให้พวกเขาได้เข้าเหล่าสวนสวรรค์ มีแม่น้ำลำธารไหลผ่านเบื้องล่างของมันโดยเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นนิรันดร์ อัลลอฮฺทรงพอพระทัยต่อพวกเขา และพวกเขาก็ยินดีปรีดาต่อพระองค์
ชนเหล่านั้นคือพรรคของอัลลอฮฺ(ซบ.)อันที่จริงพรรคของอัลลอฮฺ(ซบ.)พวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่หรือ? (ซูเราะห์มุญาดะละฮ / 22 )
65 พึงรู้ไว้เถิด แท้จริงบรรดาผู้ที่รักอิมามคือ บรรดาผู้ศรัทธา ซึ่งอัลลอฮฺผู้ทรงเกรียงไกรได้กล่าวถึงลักษณะของพวกเขาเอาไว้ว่า บรรดาผู้ที่มีศรัทธาโดยที่ไม่ได้ให้การศรัทธาของพวกเขาปะปนกับการอธรรมนั้น ชนเหล่านี้แหละพวกเขาจะได้รับความปลอดภัยและพวกเขาคือผู้ที่ได้รับการชี้นำ (ซูเราะห์บทอันอาม /82)
66 พึงรู้ไว้เถิด มวลมิตรของบรรดาอิมามคือ ผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ(ซบ.)และเราะซูลของพระองค์พวกเขาจะไม่เคลือบแคลงสงสัย (ซูเราะห์บทฮุจญุรอต /15)
67 พึงรู้ไว้เถิด มวลมิตรภาพของบรรดาอิมามคือบรรดาผู้ที่จะได้เข้าสู่สวรรค์ด้วยความศานติและปลอดภัย” (ซูเราะห์บทอัลฮัจญ์ /46)
68 พึงรู้ไว้เถิด มวลมิตรของบรรดาอิมามคือ จะได้รับสวนสวรรค์ พวกเขาจะได้เข้าสวนสวรรค์ จะได้รับปัจจัยยังชีพในนั้น โดยไม่จำกัด (ซูเราะห์บทฆอฟิร /40)
69 พึงรู้ไว้เถิดแท้จริงศัตรูของบรรดาอิมาม จะเข้าอยู่ในนรกพวกเขาจะเข้าไปสู่เปลวเพลิง
70 พึงรู้ไว้เถิดแท้จริงศัตรูของบรรดาอิมามเมื่อพวกเขาถูกโยนลงไปในนรกพวกเขาจะได้ยินเสียงร้องครวญครางอันน่ากลัว ขณะที่มันกำลังเดือดพล่าน (ซูเราะห์บทมุลก์ /7 )
71 พึงรู้ไว้เถิด แท้จริงศัตรูของบรรดาอิมาม อัลลอฮฺได้กล่าวเกี่ยวกับพวกเขาว่าทุกครั้งที่มีกลุ่มชนหนึ่งเข้าไป พวกเขาก็สาปแช่งกลุ่มชนก่อนหน้าพวกเขาจนกระทั้งเมื่อพวกเขาทั้งมวลมาถึงนรกโดยพร้อมเพรียงกันแล้วกลุ่มชนรุ่นหลังพวกเขาก็กล่าวแก่กลุ่มชนรุ่นแรกของพวกเขาว่า พระผู้อภิบาลของพวกเรา ชนเหล่านี้ได้ทำให้พวกเราหลงผิด ดังนั้น โปรดนำการลงโทษทวีคูณจากเพลิงนรกมาให้แก่พวกเขาด้วยเถิด” พระองค์ตรัสว่า “แต่ละกลุ่มนั้นจะได้รับทวีคูณทว่าพวกเจ้าไม่รู้”(ซูเราะห์บทอะอรอฟ/38)
72 พึงรู้ไว้เถิดว่าอัลลอฮฺผู้ทรงเกรียงไกรตรัสถึงบรรดาผู้เป็นศัตรูไว้ว่าทุกครั้งที่ชาวนรกกลุ่มหนึ่งถูกโยงลงไป ยามเฝ้านรกจะถามพวกเขาว่า มิได้มีผู้ตักเตือนมายังพวกเจ้าดอกหรือพวกเขากล่าวว่า แน่นอน ได้มีผู้ตักเตือนมายังเราแล้วแต่พวกได้ปฏิเสธและกล่าวว่าอัลลอฮฺมิได้ประทานสิ่งใดลงมา พวกเจ้าก็จะมิได้มาอยู่กับชาวนรกอย่างนี้ดอก บัดนี้พวกเขายอมสารภาพในความผิดของพวกเขา ดังนั้น ชาวนรกช่างห่างไกลจากความโปรดปราน (ซูเราะห์บทอัลกุดส์/ 8-11)
73 พึงรู้ไว้เถิด แท้จริงบรรดาหมู่มวลมิตรของอิมามคือบรรดาผู้ยำเกรงต่อพระผู้ยำเกรงต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขาในที่ลับ พวกเขาจะได้รับการอภัยโทษและรางวัลอันยิ่งใหญ่แน่นอน (ซูเราะห์บทอัลมุลก์/12)
74 โอ้ประชาชาติเอ๋ย มีหนทางอยู่มากมายระหว่างเปลวเพลิงแห่งไฟนรก กับรางวัลอันยิ่งใหญ่
75 โอ้ประชาชาติเอ๋ย แท้จริงศัตรูของเราคือ ผู้ที่อัลลอฮฺทรงดำหนิและสาปแช่งเขา ส่วนผู้ที่รักเราคือบุคคลผู้ซึ่งอัลลอฮฺได้ชมเชยและรักเขา
76 โอ้ประชาชาติเอ๋ย พึงรู้ไว้เถิดแท้จริงฉันคือผู้ตักเตือน สวนอะลีคือผู้แจ้งข่าวดี
77 โอ้ประชาชาติเอ๋ย พึงรู้ไว้เถิดแท้จริงฉันคือผู้ตักเตือน ส่วนอะลีคือผู้ชี้นำทาง
78 โอ้ประชาชาติเอ๋ย พึงรู้ไว้เถิด แท้จริงฉันคือนะบี ส่วนอะลีคือตัวแทนของฉัน
79 โอ้ประชาชาติเอ๋ย พึงรู้ไว้เถิด แท้จริงฉันคือเราะซูลส่วนอะลีคืออิมามและเป็นตัวแทนของฉันภายหลังจากฉันและบรรดาอิมามหลังจากฉันคือลูกหลานของเขาพึงรู้ไว้เถิดแท้จริงฉันคือบิดาของพวกเขาส่วนพวกเขาได้สืบสายมาจากอะลี
ส่วนที่ 8 เกี่ยวกับอิมามมะฮฺดี(ขออัลลอฮฺทรงให้ท่านปรากฏกายโดยเร็ว)
80 พึงรู้ไว้เถิดอิมามท่านสุดท้ายคือ อัลกออิม อัลมะฮฺดียฺ ซึ่งมาจากพวกเรา พึงสังวรเถิดว่าเขาเป็นผู้มีชัยเหนือศาสนาทั้งมวล
พึงรู้ไว้เถิดเขาคือผู้ชำระหนี้แค้นบรรดาผู้อธรรมทั้งหลาย พึงรู้ไว้เถิด เขาผู้พิชิตและเป็นผู้กำจัดการตั้งภาคีและหลงทาง พึงรู้ไว้เถิดเขาคือผู้ทำลายบรรดาผู้ตั้งภาคีทุกเผ่าพันธุ์และทุกชนชาติ
81 พึงรู้ไว้เถิด เขาคือผู้ทวงหนี้เลือดของหมู่มวลมิตรแห่งอัลลอฮฺ(ซบ.)พึงสังวรเถิดเขาคือผู้ช่วยเหลือศาสนาของอัลลอฮฺ
82 พึงรู้ไว้เถิดแท้จริงเขาคือผู้นำมาตรฐานมาจากทะเลลึก พึงรู้ไว้เถิดเขารอบรู้ถึงคุณค่าและความประเสริฐของผู้รู้และความโง่เขลาของผู้ไม่รู้เป็นอย่างดี พึงรู้ไว้เถิด เขาคือผู้มีเกียรติและได้รับการเลือกสรรแล้วจากอัลลอฮฺ(ซบ.) พึงรู้ไว้เถิดเขาคือผู้สืบทอดวิชาการ และมีความรอบรู้ครอบคลุมทุกสรรพสิ่งอย่างทั่วถึง
83 พึงรู้ไว้เถิด เขาคือผู้แจ้งข่าวจากพระผู้อภิบาลผู้ทรงเกรียงไกรและเป็นผู้อธิบายบทบัญญัติของพระองค์เขาคือผู้กระทำสิ่งที่ถูกต้องและมีความมั่นคงจริงจัง พึงรู้ไว้เถิดภารกิจของโลกนี้ได้ถูกมอบแก่เขา
84 พึงรู้ไว้เถิด เขาคือผู้ที่บรรดาศาสดาก่อนหน้าในหลายศตวรรษที่ผ่านมาแจ้งข่าวการปรากฏกายของเขาไว้
85 พึงรู้ไว้เถิด เขาคือข้อพิสูจน์ที่ยังคงเหลืออยู่ซึ่งหลังจากเขาจะไม่มีข้อพิสูจน์ใดอีกและไม่มีความจริงและไม่มีแสงสว่างอันใดบนโลกนอกจากที่อยู่ ณ เขา
86 พึงรู้ไว้เถิดไม่มีผู้ใดสามารถพิชิตเขาได้ และไม่มีผู้พ่ายแพ้คนใดได้รับการช่วยเหลือ พึงรู้ไว้เถิดแท้จริงเขาคือวะลี (ผู้ปกครอง) ของอัลลอฮฺบนหน้าแผ่นดิน คำสั่งของเขาคือคำสั่งของพระองค์ เขารักษาอะมานะฮ์ทั้งที่เร้นลับและเปิดเผย
ส่วนที่ 9 การอธิบายเรื่องการให้สัตยาบัน
87 โอ้ประชาชาติเอ๋ย แน่นอนฉันได้สาธยายแก่พวกท่านแล้วและได้สร้างความเข้าใจแก่พวกท่านในสิ่งที่ฉันสามารถและนี่คืออะลี ผู้ที่จะสร้างความเข้าใจกับท่านหลังจากฉัน
88 พึงรู้ไว้เถิด หลังจากฉันได้กล่าวคำเทศนาจบ ฉันขอเรียกร้อง จงให้สัตยาบันโดยตรงกับเขา(อะลี)อีกครั้ง
89 พึงรู้ไว้เถิด แท้จริงฉันได้ให้สัตยาบันต่ออัลลอฮฺ(ซบ.)ส่วนอะลีได้ให้สัตยาบันกับฉัน บัดนี้ฉันขอเรียกร้องให้พวกท่านจงให้สัตยาบันกับอะลี และฉันจะเอาสัตยาบันจากพวกท่านเพื่อเขาและผู้ใดก็ตามหลังจากให้สัตยาบันแล้วต่อมาได้บิดพลิ้ว เท่ากับได้อธรรมตัวเอง (โอ้ มุฮัมมัดแท้จริงบรรดาผู้ให้สัตยาบันกับเจ้านั้นเหมือนพวกเขาได้ให้สัตยาบันกับอัลลอฮฺ(ซบ.)พระหัตถ์ของอัลลอฮฺอยู่เหนือมือของพวกเขา ฉะนั้น ผู้ใดทำลาย (สัตยาบัน เสมือนกับว่าเขาทำลายตัวเขาเองส่วนผู้ใดปฏิบัติตามสัญญาที่เขาได้มีไว้กับอัลลอฮฺโดยครบถ้วน พระองค์ก็จะทรงตอบแทนรางวัลอันใหญ่หลวงแก่เขา
ส่วนที่ 10 สิ่งอนุมัติและไม่อนุมัติข้อบังคับและข้อห้ามต่างๆ
90 โอ้ ประชาชาติเอ๋ย แท้จริงการประกอบพิธีฮัจญ์และอุมเราะฮฺเป็นเครื่องหมายแห่งอัลลอฮฺดังนั้น ผู้ใดประกอบพิธีฮัจญ์หรืออุมเราะฮฺ ณ บัยตุลลอฮฺ ก็ไม่เป็นบาปใดๆแก่เขาที่จะเดินวนเวียนไปมา ณ ภูเขาทั้งสองนั้น และผู้ใดประกอบความดีโดยสมัครใจแล้ว แน่นอนอัลลอฮฺ(ซบ.)คือพระผู้ทรงพอพระทัยพระผู้ทรงรอบรู้ (ซูเราะห์บทเกาะเราะฮฺ /145)
91 โอ้ประชาชาติเอ๋ย เมื่อพวกเจ้าเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ บัยตุลลอฮฺ ดังนั้นจะต้องไม่มีครอบครัวเข้าไปในนั้น เว้นเสียแต่ว่าท่านเป็นผู้มั่งมีปราศจากความต้องการและไม่มีครอบครัวเว้นเสียแต่พวกยากไร้
92 โอ้ ประชาชาติเอ๋ย ไม่มีผู้ศรัทธาคนใดเมื่อได้หยุดพัก (วุกุฟ) ในสถานวุกุฟ (อะเราะฟะฮฺ มัชอัร มีนา นอกเสียจากอัลลอฮฺจะอภัยความผิดที่เขาเคยทำมาก่อนหน้านั้นจนถึงเวลานั้น ฉะนั้น เมื่อพิธีฮัจญ์ของเขาสิ้นสุดลงการงานของเขาจะเริ่มต้นคำนวณนับใหม่อีกครั้ง โอ้ ประชาชาติเอ่ย บรรดาผู้แสวงบุญ (ฮุจญาต)ต่างได้รับความการุณย์พิเศษค่าใช้จ่ายของพวกเขาได้รับการทดแทน และอัลลอฮฺจะไม่ทรงทำลายรางวัลการตอบแทนบรรดาผู้ที่ทำดีให้สูญเปล่า
93 โอ้ ประชาชาติเอ๋ย พวกท่านจงประกอบพิธีฮัจญ์ ณ บัยตุลลอฮฺอย่างครบถ้วนตามขบวนการของศาสนา และด้วยความเข้าใจที่ดี จงอย่าถอนตัวออกมานอกจากได้กลับตัวกลับใจและชำระบาปกรรมแล้ว
94 โอ้ ประชาชาติเอ๋ย จงดำรงนมาซและจ่ายซะกาต (ทานบังคับ) ตามที่อัลลอฮฺผู้ทรงเกรียงไกรได้มีบัญชาแก่พวกเจ้า ถ้าเวลาเนิ่นนานผ่านไป หรือเจ้าเฉยเมยต่อคำสั่ง หรือหลงลืมไป ท่านอะลีอยู่ในหมู่พวกท่าน เป็นผู้อธิบายบทบัญญัติสำหรับพวกท่าน อัลลอฮฺผู้ทรงเกรียงไกรได้ทรงแต่งตั้งเขาให้เป็นอิมามและตัวแทนฉันเพื่อชี้นำทางหลังจากฉัน เขามาจากฉันและฉันมาจากเขา แท้จริงเขาและตัวแทนของเขาเป็นลูกหลานของฉัน เขาจะตอบคำถามทุกสิ่งที่ได้ถามเขาและจะสอนสั่งพวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้
95 พึงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริงบทบัญญัติที่ฮะล้าล (อนุมัติ) และสิ่งที่ฮะรอม (ต้องห้าม) มีจำนวนมากมาย มากเกินกว่าจะคำนวณนับได้ ซึ่งฉันไม่สามารถอธิบายได้หมดในคราวเดียวกันเนื่องจากจำนวนของมันมากเกินกว่าจะคำนวนับได้ ดังนั้นจะเป็นไปได้อย่างไรที่ฉันจะอธิบายสิ่งฮะร้าลและฮะรอมแก่พวกท่านในที่นี้) ด้วยเหตุนี้ฉันได้รับมอบหมายหน้าที่ให้เอาสัตยาบันจากพวกท่าน จงยื่นมือของท่านมายังฉันเพื่อยอมรับทุกสิ่งที่อัลลอฮฺตรัสเกี่ยวกับอะลี อะมีรุลมุอฺมินีนซึ่งฉันได้นำมายังพวกท่านแล้ว และฉันขอแนะนำตัวแทนหลังจากเขาซึ่งพวกเขาเป็นลูกหลานของฉันที่สืบเชื้อสายมาจากอะลี อิมามในหมู่พวกเขาจะยืนขึ้นอย่างมั่นคงและคนสุดท้ายในหมู่พวกเขาคือ (อิมาม)มะฮฺดียฺพวกเขาจะปกครองประชาชาติตราบจนถึงวันซึ่งอัลลอฮฺได้กำหนดไว้เพื่อการพบ (กิยามะฮฺ)
96 โอ้ ประชาชาเอ๋ย ทุกสิ่งที่ฮะลาลและฮะรอมฉันได้อธิบายแก่พวกท่านหมดแล้ว แน่นอนฉันจะไม่กลับคำอย่างเด็ดขาด และไม่มีการเปลี่ยนแปลง พึงสังวรไว้เถิด จงนึกถึงเรื่องราวเหล่านี้และจดจำสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ดี ซึ่งฉันขอแนะนำพวกท่านให้ยึดถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดจงอย่าเปลี่ยนแปลงบทบัญญัติของอัลลอฮฺเป็นอันขาด พึงสังวรเถิด ฉันขอกล่าวเตือนอีกครั้งว่าพวกเจ้าจงดำรงนะมาซ จงจ่ายซะกาต จงกำชับความดีและจงห้ามปรามความชั่วร้ายเถิด
97 พึงรู้ไว้เถิด แท้จริงปฐมบทของการกำชับความดีคือ การใส่ใจในคำพูดของฉันเกี่ยวกับอิมามะฮฺและวิลายะฮฺของอะลีและบุตรหลานของเขา และถ่ายทอดคำพูดของฉันให้คนอื่นได้รับฟังอย่างถูกต้อง อธิบายให้ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในที่นี้ได้รับทราบและยอมรับและจงหลีกเลี่ยงความคิดเห็นที่ตรงกันข้าม เนื่องจากสิ่งที่ฉันสาธยายแก่พวกท่านฉันไม่ได้พูดเองทว่าเป็นพระบัญชาจากอัลลอฮฺผู้ทรงเกรียงไกร และเราะซูลของพระองค์ พึงรู้ไว้เถิดว่าการกำชับความดีและการห้ามปรามความชั่วถ้าปราศจากอิมามผู้บริสุทธิ์แล้วไม่อาจเกิดขึ้นได้เป็นอันขาด
98 โอ้ ประชาชาติเอ๋ย อัลกุรอ่านได้แนะนำพวกท่านว่า บรรดาอิมามหลังจากอะลีคือ บุตรหลานของเขาซึ่งฉันได้แนะนำพวกท่านแล้วว่า ฉันมาจากพวกเขา และพวกเขาก็มาจากฉัน อัลลอฮฺตรัสไว้ในคัมภีร์ของพระองค์ว่า ข้าได้มอบตำแหน่งอิมามไว้ในหมู่ลุกหลานที่สืบเชื้อสายจากเขาและฉันได้กล่าวว่า ตราบที่พวกท่านยังยืดมั่นกับทั้งสองอยู่ อัลกุรอ่านและอะฮลุลบัยตฺพวกท่านจะไม่มีวันหลงทางเด็ดขาด
99 โอ้ ประชาชาติเอ๋ย จงสำรวมตนต่ออัลลอฮฺ(ซบ.) จงสำรวมตนต่ออัลลอฮฺและจงเกรงกลัววันกิยามะฮฺเถิด ดังที่อัลลอฮฺ(ซบ.) ผู้ทรงเกรียงไกรตรัสว่า “การสั่นสะเทือนของวันโลกาวินาศนั้นเป็นสิ่งที่ร้ายแรงยิ่งนัก” (ซูเราะห์บทฮัจญ์ /1)
ส่วนที่ 11 การให้สัตยาบันอย่างเป็นทางการ
100 ประชาชาติเอ๋ย จำนวนของพวกท่านมากเหลือเกินมากเกินกว่าที่จะให้สัตยาบันแล้วเสร็จในที่นี้ได้ ด้วยเหตุนี้ อัลลอฮฺผู้ทรงเกรียงไกรได้มีบัญชาว่าให้ฉันเอาคำมั่นสัญญาเป็นคำพูดจากพวกท่านเกี่ยวกับวิลายะฮฺและการเป็นอิมามของอะลีอะมีรุลมุอฺมินีนและบรรดาอิมามภายหลังจากเขาซึ่งเป็นลูกหลานของฉันและของเขา ดั่งที่ฉันเคยกล่าวแล้วว่าพวกเขาเป็นลุกหลานของฉันที่สืบเชื้อสายมาจากอะลี
101 พวกเจ้าจงรำลึกถึงความตาย วันกิยามะฮฺ การสอบสวน ตราชูชั่งผลงาน และการสอบสวน ณ. เบื้องพระพักตร์ของพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก เช่นเดียวกัน การตอบแทนผลบุญและการลงโทษ ดังนั้นผู้ใดนำมาซึ่งความดีเขาก็จะได้รับผลตอบแทนที่ดีและผู้ใดนำมาซึ่งความชั่วเขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆในสวรรค์เลย
102 ดังนั้น ทั้งหมดได้กล่าวพร้อมกันว่า แน่นอน พวกเราได้ยินคำพูดของท่านและปฏิบัติตามแล้วและพวกเราพอใจในความพึงพอพระทัยของอัลลอฮฺ(ซบ.)และเราะซูลและสิ่งที่มาจากพระผู้อภิบาลของเราและของท่านเกี่ยวกับอะลี ซึ่งท่านได้ประกาศแก่พวกเราแล้วท่านได้แนะนำว่าอะลีและลูกหลานของเขาคือ อิมามภายหลังจากท่าน พวกเราชดใช้คำมั่นสัญญาต่อท่านเป็นคำมั่นสัญญาที่เกิดจากก้นบึ้งหัวใจ เราให้สัตยาบันด้วยใจ ด้วยคำพูด และด้วยมือทั้งสองข้างพวกเรา ขอมีชีวิตอยู่ ขอตาย และฟื้นคืนชีพขึ้นมาพร้อมกับสัตยาบันนี้ พวกเราจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจะไม่โยกย้ายถ่ายถอน จะไม่สงสัยคลางแคลง จะไม่ปฏิเสธและไม่กล้ากลับคำพูดที่วันนี้เราได้ให้แก่อัลลอฮฺและเราะซูลเด็ดขาด โอ้เราะซูลท่านได้อธิบายให้เราทราบเกี่ยวกับอะลี อะมีรุลมุอฺมินีน และบุตรหลานของเขาซึ่งเป็นอิมามภายหลังจากเขาพวกเขาได้สืบเชื้อสายมาจากอะลี ทว่าเป็นบุตรของท่านเวลานั้นท่านเราะซูลกล่าวว่า ภาระหน้าที่ที่ฉันได้รับมอบหมายมา ฉันได้กระทำแล้วฉันได้ประกาศว่าฮะซันและฮุซัยน์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอิมามหลังจากบิดาของเขาอะลีอมีรุลมุอฺมินีนและบรรดาอิมามหลังจากเขาทั้งสองเหล่านี้คือพันธสัญญาและสัตยาบันโดยการจับมือให้สัตยาบันด้วยคำมั่นสัญญาจะไม่มีการบิดพลิ้วหรือเปลี่ยนแปลงคำมั่นสัญญาเด็ดขาดและอัลลอฮ์จะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงจากเรา เราจะนำคำสั่งของท่านแจ้งให้คนใกล้ชิดและห่างออกไป ทั้งเป็นบุตรหลานและเครือญาติของเราและเพียงพอแล้วต่อการที่อัลลอฮฺทรงเป็นพยานและท่านก็เป็นพยานของเราด้วย
103 โอ้ ประชาชาติเอ๋ย บัดนี้พวกท่านจะกล่าวสิ่งใดอีก? ดังนั้นพึงรู้ไว้เถิดว่าอัลลอฮฺทรงได้ยินเสียงทั้งหลาย ทรงล่วงรู้ทุกสิ่งซ่อนเร้นอยู่ในหัวใจ “ดังนั้นผู้ใดปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้องก็จะได้แก่ตัวของตัวเองและผู้ใดหลงทางเขาก็จะหลงอยู่บนทางที่ผิด” (ซูเราะห์บทอัซซุมัร / 41) “บรรดาผู้ที่ให้สัตยาบัน เสมือนพวกเขาได้ให้สัตยาบันกับอัลลอฮฺ(ซบ.) พระหัตถ์ของอัลลอฮฺทรงอยู่เหนือมือของพวกเขา (ซูเราะห์บทฟัตฮฺ / 13)
104 โอ้ ประชาชาติเอ๋ยจงให้สัตยาบันกับอัลลอฮฺ(ซบ.) จงให้สัตยาบันกับฉันและจงให้สัตยาบันกับอะลีอะมีรุลมุอฺมินีน ฮะซันและฮุซัยน์ และบรรดาอิมามที่สืบเชื้อสายมาจากเขาประหนึ่งคำพูดที่ดียังคงเหลืออยู่ ดังนั้น จงยอมรับวิลายะฮฺของพวกเขาคนต่คนเถิด อัลลอฮฺทรงให้ความพินาศแก่บุคคลที่มีข้ออ้าง(ไม่ยอมรับการเป็นอิมามของพวกเขา) และทรงเมตตาต่อบุคคลที่ซื่อสัตย์ในสัญญา ฉะนั้นผู้ใดทำลายสัตยาบันเสมือนพวกเขาได้ทำลายตัวเอง ส่วนผู้ใดปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้กับอัลลอฮฺอย่างครบถ้วนพระองค์จะทรงตอบแทนรางวัลอันยิ่งใหญ่แก่เขา” (ซูเราะห์บทฟัตฮฺ /10)
105 โอ้ ประชาชาติเอ๋ย สิ่งที่ฉันพูดกับพวกท่านเกี่ยวกับอะลี จงบอกให้ทุกคนที่ไม่ได้อยู่ในที่นี้ได้รับรู้จงสลามอะลีด้วยฉายานามว่า อะมีรุ้ลมุอฺมินีน บัดนี้พวกท่านทั้งหลายจงกล่าว “พวกเราได้ยิน และพวกเราภักดีโปรดให้อภัยด้วยเถิด โอ้ พระผู้อภิบาลของพวกเรา และยังพระองค์เท่านั้นคือจุดหมายปลายทาง” (ซูเราะห์บะเกาะเราะฮฺ /285) และพวกเจ้าจงกล่าวว่า มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ(ซบ.)ผู้ทรงชี้นำพวกเราให้ได้รับสิ่งนี้และพวกเราไม่อาจได้รับทางนำ หากว่าอัลลอฮฺไม่ทรงชี้นำพวกเราแน่นอนบรรดาศาสนทูตแห่งพระผู้อภิบาลของเรานั้นได้นำความจริงมาแก่พวกเรา” (ซูเราะห์บทอะอฺรอฟ / 43)
106 โอ้ ประชาชาติเอ๋ย แท้จริงความประเสริฐของท่าน อะลีบุตรบีฏอลิบ ณ อัลลอฮฺผู้ทรงกรียงไกรซึ่งได้ประทานไว้ในอัลกุรอ่านนั้น มากมายเกินกว่าที่จะกล่าวให้จบในคราวเดียว ดังนั้นบุคคลใดที่ได้แจ้งให้พวกเจ้าได้รับรู้ถึงความประเสริฐเหล่านั้นจงรู้จักพวกเขาและจงเชื่อและยอมรับเขา
107 โอ้ ประชาชาติเอ๋ย บุคคลใดที่ภักดีต่ออัลลอฮฺและเราะซูลของพระองค์ อะลีและบรรดาอิมามที่ได้กล่าวนามไปแล้วพวกเขาล้วนเป็นผู้ได้รับชัยชนะทั้งมวล
108 โอ้ ประชาชาติเอ๋ย จงรีบเร่งให้สัตยาบันและยอมรับในวิลายะฮฺของอะลี และรู้จักเขาในนามของอะมีรุลมุอฺมินีน พวกเขาคือผู้ได้รับชัยชนะและจะพำนักอยู่ในสวรรค์อันอุดมตลอดไป
109 โอ้ ประชาชาติเอ๋ย จงกล่าวแต่สิ่งที่อัลลอฮฺทรงพอพระทัยเนื่องจากถ้าพวกเจ้าและมนุษย์ทั้งโลกต่างปฏิเสธ ก็จะมีสร้างความเสียหายใดๆแก่อัลลอฮฺเลย
110 โอ้ อัลลอฮฺ(ซบ.) โปรดอภัยโทษแด่มวลผู้ศรัทธาทั้งชายและหญิงและโปรดโกรธกริ้วต่อมวลผู้ปฏิเสธทั้งหลาย การสรรเสริญทั้งมวลแด่อัลลอฮฺ(ซบ.) พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก วัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺฮิร็อบบิลอาละมีน